เริ่มแล้ว ” Arab Street Festival ” ครั้งแรกในชายแดนใต้ มนุษยศาสตร์ฯ ม.อ. ผนึก วิทยาการสื่อสาร ม.อ. ส่งเสริมเศรฐกิจ ” มูวัลลัด ” เชื่อมตะวันออกกลาง

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ( สอวช. ) ภายใต้โครงการวิจัย “ การวิจัยและพัฒนาระบบนิเวศสร้างสรรค์เพื่อการเป็นผู้ประกอบการรายย่อยสู่โมเดลพึ่งตนเองแก้จนจังหวัดปัตตานี ” จัด :: { งาน ” Al-Arabi : Arab Street Festival in Pattani ” เทศกาลถนนอาหรับ เสน่ห์วัฒนธรรมอาหรับ } :: ระหว่างวันที่ 5 – 6 สิงหาคม 2568 ณ บริเวณมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี จังหวัดปัตตานี

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์บัญชา เตส่วน รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ เป็นผู้แทนคณบดี พร้อมด้วยคณจารย์จากหลักสูตรฯ สาขาวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สาขาวิชาภาษาอาหรับเพื่อธุรกิจ สาขาวิชาภาษามลายูและมลายูศึกษา สาขาวิชาภาษายุโรปเพื่อการสื่อสารสากล และสาขาวิชาภาษาอังกฤษ และบุคลากรสายอำนวยการ ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน ” Al-Arabi : Arab Street Festival in Pattani ” เทศกาลถนนอาหรับ เสน่ห์วัฒนธรรมอาหรับ โดยได้รับเกียรติจาก นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Al-Arabi: Arab Street Festival in Pattani” เทศกาลถนนอาหรับ เสน่ห์วัฒนธรรมอาหรับ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในจังหวัดชายแดนใต้ของไทย เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประชาชนในพื้นที่กับวัฒนธรรมอาหรับ อีกทั้งเพื่อเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับกลุ่มชาวไทยเชื้อสายมลายูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เติบโตในประเทศตะวันออกกลาง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มูวัลลัด” (Muwallad) โดยมี นายนิอันนุวา สุไลมาน นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำศาสนาในพื้นที่ ภาคประชาสังคม นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

สำหรับกลุ่ม ” มูวัลลัด ” ( Muwallad ) เป็นกลุ่มชนชาวไทยจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เดินทางไปยังประเทศซาอุดิอาระเบียมาตั้งแต่รุ่นปู่ หรือพ่อ โดยรุ่นลูก หรือหลานไม่มีความคิดที่จะเดินทางกลับมายังภูมิลำเนาเดิม แต่ด้วยวิสัยทัศน์ 2030 ของรัฐบาลซาอุดิอาราเบียทำให้ชาวต่างชาติต้องเดินทางออกจากประเทศกลับมายังภูมิลำเนาเดิม ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตนจากการหลอมรวมวัฒนธรรมอาหรับเข้ากับความเป็นมลายู และมีศักยภาพในการเป็นสะพานเชื่อมโยงความสัมพันธ์เชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคมระหว่างประเทศไทยกับประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจอร์แดน

สำหรับบรรยากาศภายในงาน มีกิจกรรมการเสวนาทางวิชาการ การจัดแสดงนิทรรศการทางการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ที่มุ่งเชื่อมโยงผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่กับนักธุรกิจจากภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดปัตตานีอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน โดยมีร้านค้าเข้าร่วมมากถึง 40-50 ร้าน อีกด้วย

Scroll to Top